วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555
วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555
เศรษฐกิจกล้วยไม้ในปัจจุบัน
จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่สดใสนัก
ประกอบกับภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นระลอกส่งผลกระทบกับสินค้าเกษตรส่งออกของไทย
รวมทั้งกล้วยไม้สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยซึ่งมีตลาดส่งออกรายใหญ่อยู่ที่ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปก็ได้รับผลกระทบนี้ด้วยเช่นกัน[1] คุณสุวิทชัย แสงเทียน ประธานคลัสเตอร์กล้วยไม้กลุ่มจังหวัดราชบุรี
ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์กล้วยไม้ว่า
ขณะนี้ปริมาณการส่งออกกล้วยไม้ของไทยตัวเลขเพิ่มขึ้นทุกปี
แต่พบว่ามูลค่าการส่งออกตั้งแต่ปี 2549 กลับลดลงเรื่อยๆ
หมายความว่าเราขายของมากขึ้นแต่ได้เงินน้อยลงทำให้เหนื่อยมากขึ้น
สาเหตุที่ได้เงินน้อยลง
เนื่องจากว่าขณะนี้เรามีลูกค้ารายใหม่ที่ทำให้ตลาดขยายตัวมากขึ้น นั่นคือ
จีนและอินเดีย[2] ซึ่งปัจจุบันจีนเป็นตลาดส่งออกกล้วยไม้เป็นอันดับ 1 ของไทย และมูลค่าการส่งออกอยู่อันดับ
3 ส่วนอินเดียทั้งปริมาณและมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นเช่นกัน จะเห็นว่า 2
ตลาดโตขึ้นมากแต่เป็นการโตในเชิงปริมาณมากกว่าคุณภาพ
ราคาที่ได้ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับตลาดกล้วยไม่คุณภาพอย่างญี่ปุ่น อเมริกาและยุโรป
แต่เป็นที่น่าสนใจว่าหากเราปรับกลไกการทำตลาดของ 2
ตลาดนี้โดยหันมาทำสินค้าคุณภาพเพื่อที่จะเพิ่มราคา
น่าจะเป็นช่องทางการเพิ่มมูลค่าการส่งออกให้มากขึ้นได้อีก[3] อย่างไรก็ตามจะต้องเข้าไปศึกษาถึงลักษณะความต้องการใช้กล้วยไม้และปริมาณความต้องการที่แท้จริงว่าจะทำอย่างไรต่อไป[4] ที่ผ่านมากล้วยไม้ส่งออกของเรามีมูลค่ามาก เนื่องจากเรามีตลาดญี่ปุ่น
อเมริกา ยุโรปซึ่งเป็นตลาดลูกค้ารายเก่า[5] แต่วันนี้เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั้ง
3 ตลาดลดกำลังการซื้อลง ญี่ปุ่นก็เจอปัญหาภัยธรรมชาติซึนามิ ภายใน 2
ปีนี้อาจจะยังไม่ฟื้น อเมริกาเองเศรษฐกิจก็ยังไม่ฟื้นดี แต่สำหรับกล้วยไม้แล้วก็ยังมีโอกาสเติบโตได้
แต่ทั้งนี้จะต้องเน้นในด้านคุณภาพมากขึ้น[6] เนื่องจากมีระยะทางไกลค่าขนส่งสูง
หากนำกล้วยไม้ด้อยคุณภาพไปขายนอกจากจะไม่คุ้มแล้วยังขายได้ยากเพราะต้องขายราคาแพง[7] นอกจากนี้ตลาดภายในประเทศก็มีการขยายตัวมากขึ้น
จากการศึกษาพฤติกรรมของคนในประเทศพบว่ามีปริมาณการใช้กล้วยไม้กำเตยสำหรับไหว้พระในวันโกณวันพระขายดีขึ้นในช่วง
2 ปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ
สังเกตจากราคาของกล้วยไม้กำเตยสูงขึ้นจากขายกำละ 4-5 บาท ปัจจุบันราคา 8-15 บาท
ดังนั้นจะเห็นว่ากล้วยไม้ไทยมีทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดส่งออกที่ไปได้ดี
ถ้าตลาดส่งออกไม่ดีก็ยังมีตลาดในประเทศช่วยพยุงไว้
ถึงไม่ดีแต่ก็ช่วยระบายของออกได้หมดและของไม่ตกค้าง[8] จากการที่ภาครัฐออกได้ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด
โดยเฉพาะกรมส่งเสริมการเกษตรที่ผลักดันนโยบายเรื่องการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้คุณภาพเพื่อการส่งออกมีการกำหนดยุทธศาสตร์ที่ดี
แต่การทำงานอาจจะต้องปรับสู่เป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้น ภาพรวมของกล้วยไม้ไทยภายใน
2-3 ปีข้างหน้า แนวโน้มจะต้องดีขึ้น เพราะเมื่อเศรษฐกิจโลกดีขึ้นรวมทั้งในญี่ปุ่น
อเมริกาและยุโรป เมื่อนั้นตลาดกล้วยไม้ก็น่าจะดีขึ้นตาม[9] อย่างไรก็ตามกล้วยไม้เป็นพืชที่มีรอบอายุประมาณ
4 ปี ซึ่งถ้าชาวสวนที่คิดจะมาปลูกกล้วยไม้ในช่วงนั้นก็คงไม่ทันแล้ว
ดังนั้นช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีเช่นนี้ชาวสวนที่มีทุนมีสายป่านยาวก็คงต้องปลูกอยู่และเลี้ยงดูแลไว้ให้ดีมีคุณภาพที่สุด
จะเห็นได้ว่าเวลานี้ภาพรวมดอกกล้วยไม้ของไทยยังคงไปได้และไม่กระทบมาก
แต่ที่ได้รับผลกระทบชัดเจนคือวัสดุปลูก (กาบมะพร้าว) ขาดแคลน และราคาแพง
สวนที่มีต้นโทรมหมดอายุก็ยังต้องเลี้ยงไว้ สวนใหม่ๆ
ที่จะขยายก็แทบจะไม่มีเพราะหาวัสดุปลูกไม่ได้หรือได้ก็มีราคาสูง
ดังนั้นในภาพรวมจึงอาจจะส่งผลกระทบถึงปีหน้าในด้านการขยายพื้นที่ปลูกกล้วยไม้คงไม่มากนัก[10] เป็นที่น่าสังเกตว่าในกลุ่มตลาดของกล้วยไม้ต้น กระไม้กระถาง (pot plant) เมื่อ 5
ปีที่แล้วเรามีการขยายการผลิตเยอะมาก ปัจจุบันการผลิตมีแนวโน้มลดลง
โดยดูได้จากปริมาณการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในขวดเพื่อผลิตกล้วยไม้กระถางลดลง และพบว่าราคาที่ขายในประเทศลดลง
เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาปริมาณการผลิตเยอะมากทั้งกล้วยไม้สกุลแวนด้าและหวาย
อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจไม่ดีด้วย แต่สำหรับกลุ่มการใช้งานดอกกล้วยไม้เพื่อการตกแต่ง
จัดสถานที่ถือว่าดีมาก เพราะได้ใช้กล้วยไม้ในราคาที่ถูกลง[11] หากสภาพเศรษฐกิจยังเป็นเช่นนี้
เชื่อว่าการลงทุนทำสวนกล้วยไม้รายใหม่ๆ ในช่วง 2 ปีนี้น่าจะขยายตัวได้ไม่มาก
นอกจากชาวสวนมือใหม่ที่อยากจะทำเป็นงานอดิเรก
เนื่องจากว่าราคากล้วยไม้ไม่จูงใจมากนัก นอกจากว่าจะมีพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำ
หรือเป็นเครือญาติที่ทำกล้วยไม้อยู่แล้วถึงจะกล้ากระโดดเข้ามาลงทุนทำ
สำหรับชาวสวนมือชีพรายเดิมๆ
การที่จะมาขยายการลงทุนตอกเสาเข็มใหม่ก็ไม่น่าจะมีมากเช่นกัน
ยุคนี้การลงทุนทำสวนกล้วยไม้ต้องเป็นมืออาชีพจริงๆ
และต้องแข่งกันด้วยการทำกล้วยไม้คุณภาพเท่านั้นถึงจะอยู่ได้อย่างยั่งยืน[12] นอกจากนี้เมื่อวันที่
27 เม.ย.ที่ผ่านมา ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
วิทยาเขตกำแพงแสน ร่วมกับคลัสเตอร์กล้วยไม้กลุ่มจังหวัดราชบุรี
จัดเสวนากล้วยไม้ประจำปี (ครั้งที่5) ขึ้น ณ ห้องเธียร์เตอร์
อาคารศูนย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน โดยการเสวนาครั้งนี้เป็นการสรุปความคืบหน้าเกี่ยวกับงานวิจัย
รวมถึงการควบคุมคุณภาพของกล้วยไม้หวายตัดดอกเพื่อการส่งออกด้วยกรรมวิธีก่อนการเก็บเกี่ยว
(preharvest)
และหลังการเก็บเกี่ยว (postharvest) โดย
ดร.วชิรญา อิ่มสบาย ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเคยประสบความสำเร็จจากผลงานวิจัยการนำสาร
1-MCP ในการช่วยดูดซับ ethylene เพื่อช่วยลดปัญหาดอกร่วงและยึดอายุการขนส่งดอกกล้วยไม้
ทำให้สามารถขนส่งกล้วยไม้ไปตลาดจีนโดยทางรถยนต์ได้
เป็นประโยชน์มากกับผู้ส่งออกเพราะสามารถลดต้นทุนค่าขนส่งได้มาก[13] ซึ่งอุตสาหกรรมกล้วยไม้ของประเทศได้เจริญก้าวหน้าอย่างมาก
และทำรายได้เข้าสู่ประเทศเป็นอับดับหนึ่งในจำนวนไม้ดอกไม้ประดับทั้งหมดที่มีการส่งออก[14] ในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่นิยมรักสวยรักงามมากขึ้น
ทำให้กล้วยไม้ของไทยเป็นที่นิยมทั้งตลาดภายในและตลาดต่างประเทศ เนื่องจากว่ามีอายุการประดับโชว์ความสวยงามได้นานกว่าดอกไม้อื่นๆ
และมีสีดอกสดใสและสีหลากหลายทำให้การขยายของตลาดภายในและตลาดส่งออกมีแนวโน้มสูงขึ้น
ดังนั้นการศึกษาการผลิตและการตลาดกล้วยไม้ จึงมีความจำเป็นเพื่อให้ทราบข้อมูลทั้งการผลิตและการตลาด
และปัญหาต่างๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำหนดยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหากล้วยไม้ต่อไปในอนาคต[15]
[1] ศุภฤกษ์
ธนชัยสิทธิ (2553). ภาวะเศรษฐกิจ.
วิทยานิพนธ์เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
[2] สถานการณ์กล้วยไม้.
(2555,23,มกราคม). มติชน. จาก
http://www.matichon.com/index.php?option=com_content&view=article&id=125572:2012&Itemid=423
[3]
ตลาดส่งออก. (2555,17,พฤษาคม). ข่าวสดรายวัน. จาก http://www.khaosod.com/index.php?option=com_content&view=article&id=125572
[5] มูลค่าของกล้วยไม้.
(2555,19,กุมภาพันธ์). เดลินิวส์. จาก http://www.dailynews.com/index.php?option=com_gskdgisayrs
[6] เศรษฐกิจทรุด.
(2554,7,มิถุนายน). ฐานเศรษฐกิจ. จาก http://www.thanonline.com/index.php?
content&view=article&id1794cxgsd
[8] รัตนมณี
อารักษ์วงศ์. (2542). การขยายตัวของกล้วยไม้สด.
วิทยานิพนธ์เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
[9]
ศุภาวรรณ แก้วพิกุล. (2550). ยุธศาสตร์สู่เป้าหมายที่ชัดเจน.
วิทยานิพนธ์เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
[12]
การลงทุนขยายตัว. (2555,2,มีนายน).
ฐานเศรษฐกิจ. จาก http://www.thanonline.com/?option24763582content&view=article&id
[13] สัมนากล้วยไม้.
(2555,28,มิถุนายน). ข่าวสดรายวัน. จาก http://www.khaosod.com/
content&view=article&id=30267210
[14]
มาลีรัตน์ ทิพย์วงศ์. (2552). ความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม.
วิทยานิพนธ์เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)